รู้จัก Ergonomic Furniture เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ ที่ออกแบบตามสรีระ

รู้หรือไม่? เก้าอี้ โต๊ะ หรือที่นอนที่เราใช้อยู่ทุกวัน อาจเป็นตัวการที่ทำให้เราปวดหลังเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว มาทำความเข้าใจกับ “เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ” หรือ “Ergonomic Furniture” เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อลดปัญหาสุขภาพในระยะยาวและช่วยให้การใช้ชีวิตสบายขึ้นกว่าที่เคย

Ergonomic Furniture คืออะไร?

“Ergonomic” มาจากคำว่า Ergon (งาน) และคำว่า Nomos (กฎ/ธรรมชาติ) หมายถึงการออกแบบเพื่อให้เข้ากับสรีระมนุษย์ และสามารถใช้งานได้อย่างสบายและปลอดภัยที่สุด เฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบตามหลัก Ergonomics จะช่วย

  • รองรับสรีระได้อย่างถูกต้อง เช่น กระดูกสันหลัง, ข้อต่อ, แขน-ขา
  • ทำหน้าที่ให้ปรับได้ตามร่างกายแต่ละคน
  • ลดแรงกดทับและความเมื่อยล้า
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ทำไมเฟอร์นิเจอร์ถึงสำคัญต่อสุขภาพ?

คนส่วนใหญ่ทำงานออฟฟิศเฉลี่ย 6–10 ชั่วโมงต่อวัน และการที่นั่งอยู่กับเก้าอี้และโต๊ะ โดยไม่ใช้อุปกรณ์ที่รองรับสรีระจะเพิ่มความเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) มีอาการปวดหลัง–คอเรื้อรัง และหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วกว่าปกติ

นอกจากนี้การนั่งนาน ๆ ยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคภายในอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, มะเร็งบางชนิด รวมไปถึงการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองลดลง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเทียบเท่าการสูบบุหรี่หรือโรคอ้วน

ประเภทของเฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ

1. เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ (Ergonomic Chair)

เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ เป็นเก้าอี้ทำงานหรือเก้าอี้ออฟฟิศที่สามารถปรับระดับความสูง–ต่ำของพนักพิง ที่วางแขน และที่รองเอว ให้เข้ากับสรีระผู้ใช้ได้ อีกทั้งยังมีพนักพิงศีรษะ (Headrest) ที่สามารถปรับองศาเพื่อรองรับตำแหน่งศีรษะได้อย่างพอดี สำหรับผู้ทำงานนาน ถือว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพที่นิยมมากที่สุดสำหรับวัยทำงาน

ประโยชน์: 

  • ลดอาการปวดเมื่อย เช่น หลัง, คอ, ไหล่
  • ป้องกันออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
  • ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้สบายตัวและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น

หลักการเลือก:

  • ต้องมีพนักพิงที่รองรับส่วนโค้งของหลังส่วนล่าง (Lumbar Support)
  • ควรเลือกวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความอับชื้น เช่น ตาข่าย
  • มีที่วางแขนเพื่อช่วยรองรับน้ำหนักของแขนและไหล่

2. โต๊ะทำงานปรับระดับ (Sit–Stand Desk)

โต๊ะทำงานปรับระดับ สามารถปรับระดับความสูงได้ง่าย มีทั้งใช้มือหมุนและแบบไฟฟ้า ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับท่าทางในการทำงานระหว่างนั่งและยืน

ประโยชน์:

  • ช่วยลดผลกระทบทางสุขภาพจากการนั่ง
  • กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการเผาพลาญพลังงาน
  • เพิ่มความตื่นตัวและสมาธิในการทำงาน

หลักการเลือก:

  • โต๊ะควรมีขนาดที่ใหญ่พอจะวางอุปกรณ์สำคัญได้ทั้งหมด
  • ควรมีความมั่นคงแม้จะปรับระดับจนสุด

3. อุปกรณ์เสริม (Ergonomic Accessories)

  • แท่นวางจอภาพ (Monitor Arm) สามารถปรับระดับองศาของจอให้ตรงสายตา ทำให้ไม่ต้องก้มคอหรือยืดตัวเพื่อมอง เพื่อป้องกันอาการปวดคอ บ่า ไหล่ และหลังส่วนบน
  • ที่วางเท้า (Footrest) สามารถปรับระดับความสูง เพื่อให้เข่าทำมุม 90 องศา ช่วยลดแรงกดที่ต้นขาและกระดูกสันหลังส่วนล่าง
  • ที่รองข้อมือ (Keyboard Tray) สามารถปรับองศาการเอียงของข้อมือและแขน ช่วยให้ข้อมืออยู่ในแนวตรง ป้องกันการปวดข้อมือและลดความเสี่ยงการเป็นโรคพังผืดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ
  • ที่รองหลัง (Back Support) เป็นตัวเสริมสำหรับเก้าอี้ทั่วไป มีส่วนโค้งนูนเพื่อรองรับหลังส่วนล่าง ช่วยให้สามารถนั่งหลังตรงได้อย่างธรรมชาติ
  • แป้นพิมพ์และเมาส์เพื่อสุขภาพ (Ergonomic Keyboard & Mouse) แป้นพิมพ์มีรูปทรงโค้งหรือแยกส่วน และเมาส์มีรูปทรงตั้งขึ้น ช่วยลดความเมื่อยล้าและการจััดวางแขนและข้อมือให้สบายเป็นธรรมชาติ

4. ที่นอนและเตียงเพื่อสุขภาพ (Ergonomic Bed & Mattress)

ที่นอนและเตียงเพื่อสุขภาพ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญต่อสุขภาพโดยรวมมาก แต่หลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก โดยที่นอนและเตียงเพื่อสุขภาพสามารถรอบรับส่วนโค้งของกระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็นท่านอนหงายหรือนอนตะแคง และมีระดับความแน่นที่พอดีไม่แข็งหรือนุ่มจนเกินไป ช่วยให้สรีระอยู่ในแนวที่เหมาะสม

ประโยชน์:

  • ลดอาการปวดหลังและข้อจากการกดทับ
  • เพิ่มคุณภาพในการนอนหลับ
  • ลดการสะสมของไรฝุ่น

หลักการเลือก:

  • ควรเลือกวัสดุที่เหมาะสม เช่น ยางพารา ที่ยืดหยุ่นและระบายอากาศได้ดี
  • ควรเลือกเตียงที่มีความสูงเหมาะกับการลุกและการนอน

เทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือดีไซน์เท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากเลือกผิดอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ปวดหลังจากการนั่งทำงานนาน ๆ หรือรู้สึกเมื่อยล้าหลังตื่นนอน ดังนั้น การเลือกเฟอร์นิเจอร์จึงควรตอบโจทย์ “ปัญหาเฉพาะ” ของแต่ละคน โดยคำนึงถึงสรีระ ร่างกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • ระบุปัญหาของตัวเองให้ชัดเจน เช่น นั่งทำงานนานแล้วปวดหลัง หรือเตียงนอนทำให้ตื่นมาปวดคอ เพื่อจะได้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด
  • พิจารณาสรีระและพฤติกรรมส่วนตัว สัดส่วนร่างกาย รูปแบบการทำงาน และการนอน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือก
  • ทดลองใช้งานจริง นั่งหรือเอนตัวบนเก้าอี้/เตียงอย่างน้อย 10–15 นาที เพื่อดูว่ารองรับร่างกายได้ดีและรู้สึกสบายจริงหรือไม่
  • คุณภาพและความทนทานของวัสดุ ที่จะไม่เสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว

เคล็ดลับในการนั่งทำงานเพื่อสุขภาพ

1. ท่าทางการนั่ง

  • หลังตรงชิดพนักพิง
  • เท้าแตะเต็มพื้น เข่าทำมุม 90 องศาหรืออยู่ระดับเดียวกับสะโพก
  • ปรับจอให้มีระยะห่างที่เหมาะสม สายตาตรงกับขอบนของจอ
  • ควรวางแป้นพิมพ์และเมาส์ให้ใกล้ตัวมากที่สุด

2. การเคลื่อนไหวระหว่างวัน

  • พยายามลุกขึ้นยืนหรือเดินไปมาเพื่อยืดเส้นยืดสายทุก ๆ 30-60 นาที
  • ถ้ามีโต๊ะทำงานปรับระดับ (Sit–Stand Desk) ควรสลับระหว่างนั่งและยืนเป็นระยะ ๆ

3. การพักสายตา

  • ใช้กฎ 20-20-20 คือ ทุก ๆ 20 นาที ให้มองไปไกล ๆ ออกไปประมาณ 20 ฟุต (6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที
  • กระพริบตาบ่อย ๆ ช่วยลดอาการตาแห้งได้

เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ สำหรับทุกช่วงวัย

เฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กและนักเรียน

  • โต๊ะและเก้าอี้ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ตามการเจริญเติบโตของเด็ก เพื่อให้เด็กได้นั่งท่าที่ถูกต้องขณะทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ
  • การออกแบบที่เหมาะสม เช่น พนักพิงที่รองรับหลัง
  • วัสดุที่แข็งแรงทนทานและปลอดภัย ปลอดสารเคมี

เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ

  • ควรมีความสะดวกสบายในการใช้งาน เช่น เก้าอี้ที่มีที่พักแขนเพื่อช่วยในการลุกนั่ง
  • เน้นการป้องกันอุบัติเหตุ ความเสี่ยงในการล้ม เช่น เตียงนอนที่มีราวกั้น
  • ความสบายและการรองรับสรีระที่สามารถช่วยลดแรงกดทับได้ เช่น เก้าอี้ปรับเอนนอน

เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพ หรือ Ergonomic Furniture ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์หรือความสวยงาม แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว การเลือกใช้อุปกรณ์ที่รองรับสรีระอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ โต๊ะทำงาน อุปกรณ์เสริม รวมไปถึงที่นอนและเตียง จะช่วยลดอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ ป้องกันออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) และโรคอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สุดท้ายการดูแลสุขภาพเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากสิ่งใกล้ตัว อย่ารอให้ปวดเมื่อยก่อนแล้วแก้ไข การป้องการไว้ก่อนคือสิ่งที่ดีที่สุด