การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ไม่เพียงสร้างบ้านให้สวยงาม แต่กำลังส่งผลต่อโลกและสิ่งแวดล้อมด้วย วัสดุที่ใช้ กระบวนการผลิต และอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น ล้วนมีผลต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนและขยะในอนาคต การเลือกเฟอร์นิเจอร์ยั่งยืนหรือ Eco-Friendly จึงไม่ใช่แค่การทำให้บ้านสวย แต่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย
เฟอร์นิเจอร์ยั่งยืน คืออะไร?
ความหมายของคำว่า ยั่งยืน คือการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และยังรวมไปถึงด้วยสังคมและเศรษฐกิจด้วย
เฟอร์นิเจอร์ยั่งยืน คือเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตขึ้นด้วยการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการกำจัดขยะเมื่อหมดอายุการใช้งาน
Eco-Friendly หรือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในโลกของเฟอร์นิเจอร์นั้น ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของความยั่งยืน เช่น การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล การไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย รวมไปถึงการลดปริมาณขยะ
วัสดุเฟอร์นิเจอร์ Eco-Friendly ที่น่าสนใจ
1. ไม้จากป่าปลูกอย่างยั่งยืน (Sustainably Harvested Wood)
เป็นไม้ที่มาจากป่าที่มีการจัดการระบบ จะมีการปลูกต้นใหม่เพื่อทดแทนเสมอ ซึ่งจะไม่เป็นการทำลายป่าไม้ธรรมชาติ สามารถสังเกตได้จากเครื่องหมายรับรอง FSC (Forest Stewardship Council) บนฉลากสินค้า
ข้อดีของไม้:
- มีความแข็งแรง สามารถใช้ได้นาน และให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ
ข้อดีในการเลือกใช้:
- ทำให้ได้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าและช่วยรักษาระบบนิเวศ
- ทำให้มั่นใจได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมาไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม

2. ไม้รีไซเคิลและไม้เก่า
เป็นไม้ที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว เช่น จากอาคาร หรือ เฟอร์นิเจอร์เดิม แล้วนำมาผ่านกระบวนการปรับปรุงแปรรูปใหม่ มักจะมีร่องรอยตำหนิที่เกิดจากการใช้งาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไม้เก่า
ข้อดีของไม้:
- มีความแข็งแรง ทนทาน กว่าไม้ใหม่ เนื่องจากผ่านการผุกร่อนและคงรูปมาแล้ว
ข้อดีในการเลือกใช้:
- ช่วยลดปริมาณขยะและการตัดต้นไม้ใหม่
- ได้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร และมีเรื่องราวผ่านดีไซน์ธรรมชาติ

3. วัสดุที่เติบโตเร็วและปลูกทดแทนได้ง่าย
เป็นวัสดุที่ใช้เวลาเติบโตไม่นานและสามารถปลูกแทนได้อย่างรวดเร็ว เช่น หวาย ไม้ไผ่ พืชตระกูลปาล์ม มีน้ำหนักเบา สามารถนำมาดัดหรือสานเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้
ข้อดีของวัสดุ:
- มีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา
- สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น
- ในการผลิตมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าไม้เนื้อแข็งทั่ว ๆ ไป
ข้อดีในการเลือกใช้:
- เป็นตัวเลือกที่ใช้ในการทดแทนไม้ใหญ่ เนื่องจากไม้ยืนต้นจะใช้เวลาเติบโตนานกว่า
- ได้เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางสะดวก เคลื่อนย้ายง่าย

4. วัสดุรีไซเคิลและวัสดุเหลือใช้
เป็นการนำขยะ กลับเข้าสู่กระบวนการแปรรูปและผลิตใหม่ และหลอมออกมาเป็นโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์ เช่น ขวดพลาสติก เศษโลหะ อาจมีการระบุฉลากสินค้าว่าเป็น Recycled Material หรือ Upcycled สามารถสังเกตได้จากเนื้อวัสดุที่มีร่องรอยหรือเฉดสีต่างกัน ซึ่งเป็นเสน่ห์ของงานรีไซเคิล
ข้อดีของวัสดุ:
- มีความทนทานเทียบเท่าของใหม่
- สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นดีไซน์ที่หลากหลายและทันสมัย
ข้อดีในการเลือกใช้:
- ช่วยลดปริมาณขยะและมลพิษ จากการฝังกลบหรือเผา
- ทำให้ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พลังงานโลก เนื่องจากการรีไซเคิลจะใช้พลังงานน้อยกว่า
- ได้ชิ้นงานที่สวยงามแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

5. พลาสติกชีวภาพ (ฺBioplastic)
เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาจากแหล่งธรรมชาติ และนำไปสร้างสารประกอบทางเคมีให้มีคุณบัติคล้ายพลาสติก ซึ่งจะต่างจากพลาสติกทั่วไปที่ผลิตจากน้ำมันปิโตเลียม เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง สังเกตได้จากสัญลักษณ์เฉพาะบนผลิตภัณฑ์ว่าเป็น Bio-based หรือ Compostable ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ แม้จะย่อยสลายได้ง่าย แต่ก็มีการพัฒนาให้มีความแข็งแรง ไม่ต้องการการดูแลรักษาที่ยุ่งยากเหมือนวัสดุอื่น ๆ เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ Outdoor / อุปกรณ์เสริม
ข้อดีของวัสดุ:
- ช่วยลดการใช้ทรัพยากรจากฟอสซิลหรือน้ำมัน
- ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกในระยะยาว
- มีความทนทานต่อสภาพอากาศ แสงแดด
ข้อดีในการเลือกใช้:
- ช่วยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิต
- ช่วยลดปริมาณขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้

การเลือกและการดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ยั่งยืนให้คุ้มค่า
วิธีการเลือกเฟอร์นิเจอร์รักษ์โลก
- ก่อนซื้อพยายามมองหาใบรับรองที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น FSC (Forest Stewardship Council) สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้จากป่าทดแทน หรือ GREENGUARD สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สารเคมีต่ำ
- ควรคำนึงถึงคุณภาพ ความทนทาน การใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย
- เลือกดีไซน์ที่เรียบง่าย สามารถปรับเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัย และการตกแต่งบ้านในหลายรูปแบบ

การดูแลรักษาให้ยืดอายุการใช้งาน
การทำความสะอาดให้ถูกวิธี เฟอร์นิเจอร์แต่ละแบบมีวิธีการดูแลรักษาต่างกัน ดังนี้ :
- เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง : สามารถใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดได้ หากมีคราบสามารถใช้สบู่อ่อนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง
- เฟอร์นิเจอร์วัสดุที่เติบโตเร็วและปลูกทดแทนได้ง่าย : ควรใช้แปรงปัดฝุ่น หากมีคราบสามารถใช้ผ้าชุบน้ำได้ แต่ควรเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันเชื้อรา
- เฟอร์นิเจอร์จากพลาสติกรีไซเคิล : สามารถใช้น้ำและสบู่ทั่วไปได้ หากมีคราบสามารถใช้แปรงขัดเบา ๆ ได้

การซ่อมแซมบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง : หากมีรอยขีดข่วน สามารถใช้น้ำมันบำรุงไม้หรือขี้ผึ้ง และควรทาซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน เพื่อรักษาผิวไม้ให้แข็งแรง
- เฟอร์นิเจอร์วัสดุที่เติบโตเร็วและปลูกทดแทนได้ง่าย : จะเน้นไปที่การรักษาความชื้นและป้องกันเชื้อรา ควรเคลือบน้ำยาสำหรับไม้เป็นครั้งคราวเพื่อยืดอายุการใช้งาน
- เฟอร์นิเจอร์จากพลาสติกรีไซเคิล : โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษามาก เนื่องจากมีความทนทานอยู่แล้ว แต่หากมีรอยก็สามารถใช้กระดาษทรายขัดเบา ๆ ได้
- โครงสร้างเฟอร์นิเจอร์ : ควรตรวจสอบข้อต่อต่าง ๆ เป็นประจำให้แน่นตลอดเวลา เพื่อป้องกันการสั่นคลอนและชำรุดภายหลัง

การส่งต่อเฟอร์นิเจอร์เมื่อไม่ใช้แล้ว
หากเฟอร์นิเจอร์ยังอยู่ในสภาพดี ควรบริจาคหรือขายต่อเพื่อยืดอายุการใช้งาน และเพื่อลดขยะ หากเฟอร์นิเจอร์ใช้งานไม่ได้แล้ว ควรนำไปส่งที่ศูนย์รีไซเคิลที่รับวัสดุนั้น ๆ เพื่อนำกลับไปแปรรูปใหม่

เฟอร์นิเจอร์ยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นการเลือกใช้ชีวิตที่ใส่ใจโลก การเลือกวัสดุ Eco-Friendly จะช่วยลด Carbon footprint และสร้างบ้านสวยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพียงแค่ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่การเลือกซื้อ การใช้งาน ไปจนถึงการส่งต่อ เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่น่าอยู่กว่าเดิมได้
เริ่มต้นเลือกเฟอร์นิเจอร์รักษ์โลกวันนี้ เพื่อบ้านที่สวยงามและโลกที่น่าอยู่สำหรับทุกคนนะคะ